การทำงานใน Software House เป็นเป้าหมายของโปรแกรมเมอร์หลายคน เพราะเป็นสถานที่ที่ให้โอกาสพัฒนาทักษะและทำงานกับโปรเจกต์จริง อย่างไรก็ตาม สำหรับ โปรแกรมเมอร์ มือใหม่ หลายคนอาจมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำงานในสภาพแวดล้อมนี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความคาดหวังที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง การเข้าใจความเป็นจริงของการทำงานใน Software House จะช่วยให้ปรับตัวได้ง่ายขึ้นและเติบโตในสายงานได้อย่างมั่นคง มาดูกันว่ามีความเข้าใจผิดอะไรบ้าง และความจริงเป็นอย่างไร
5 สิ่งที่โปรแกรมเมอร์มือใหม่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำงานใน Software House
- 1. ได้เขียนโค้ดทั้งวัน ไม่มีงานอื่นเลย
- 2. ใช้แต่เทคโนโลยีใหม่และล้ำสมัย
- 3. ทำงานเดี่ยว ไม่ต้องพึ่งพาใคร
- 4. ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบก่อนส่งงาน
- 4. ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบก่อนส่งงาน
1. ได้เขียนโค้ดทั้งวัน ไม่มีงานอื่นเลย
โปรแกรมเมอร์มือใหม่หลายคนคิดว่าการทำงานใน Software House คือการนั่งเขียนโค้ดตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องทำอย่างอื่น แต่ในความเป็นจริง โปรแกรมเมอร์ต้องทำมากกว่านั้น เช่น
- ประชุมและวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า: โปรแกรมเมอร์ต้องพูดคุยกับลูกค้า หรือทีมงาน เพื่อให้แน่ใจว่าระบบที่กำลังพัฒนานั้นตรงกับความต้องการ
- ทดสอบระบบและแก้ไขข้อผิดพลาด (Debugging): การเขียนโค้ดเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนา การทดสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดเป็นกระบวนการที่สำคัญไม่แพ้กัน
- การทำเอกสาร (Documentation): บางครั้งโปรแกรมเมอร์ต้องเขียนเอกสารเพื่ออธิบายการทำงานของระบบ เพื่อให้ทีมอื่น ๆ เข้าใจและสามารถพัฒนาต่อได้ในอนาคต
- การเรียนรู้และพัฒนาทักษะ: เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โปรแกรมเมอร์ที่ดีต้องมีเวลาในการศึกษาและพัฒนาตนเอง
ดังนั้น การทำงานใน Software House ไม่ใช่แค่การเขียนโค้ด แต่เป็นการบริหารจัดการงานหลากหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์
2. ใช้แต่เทคโนโลยีใหม่และล้ำสมัย
มือใหม่หลายคนอาจคาดหวังว่าการทำงานใน Software House จะได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเสมอ เช่น AI, Blockchain, หรือ Framework ที่เพิ่งเปิดตัว แต่ในความเป็นจริง:
- หลายบริษัทต้องใช้เทคโนโลยีเดิมที่เสถียรและเหมาะสมกับระบบที่มีอยู่แล้ว
- ไม่ใช่ทุกโครงการจะมีโอกาสนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เพราะต้องคำนึงถึงความเข้ากันได้และความมั่นคงของระบบ
- เทคโนโลยีใหม่อาจมีความเสี่ยงและยังไม่มีการพิสูจน์ว่าดีที่สุดสำหรับทุกงาน
ดังนั้น การเข้าใจพื้นฐานของเทคโนโลยีที่หลากหลายและสามารถปรับตัวกับเครื่องมือที่เหมาะสมกับงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ
3. ทำงานเดี่ยว ไม่ต้องพึ่งพาใคร
โปรแกรมเมอร์บางคนอาจคิดว่าตัวเองสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่ในความเป็นจริง การทำงานใน Software House เป็นงานที่ต้องทำเป็นทีม เพราะ:
- ระบบซอฟต์แวร์มีความซับซ้อนและต้องอาศัยทักษะจากหลายฝ่าย เช่น UX/UI Designer, Tester, Product Manager และ DevOps
- การสื่อสารภายในทีมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้โปรเจกต์ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
- การทำงานร่วมกันช่วยให้มีมุมมองที่หลากหลายและสามารถแก้ปัญหาได้ดีขึ้น
ดังนั้น โปรแกรมเมอร์ควรเรียนรู้ทักษะการทำงานเป็นทีม คิดเชิงระบบ และเปิดรับความคิดเห็นจากผู้อื่น
4. ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบก่อนส่งงาน
มือใหม่มักกังวลว่าต้องเขียนโค้ดให้สมบูรณ์แบบก่อนจะส่งงาน แต่ใน Software House แนวคิดที่ใช้กันคือ Iterative Development หรือการพัฒนาแบบเป็นรอบ ๆ:
- ไม่มีโค้ดไหนที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก
- การพัฒนาโปรเจกต์มักต้องมีการแก้ไขและปรับปรุงตาม feedback
- การปล่อยเวอร์ชันแรก (MVP - Minimum Viable Product) เพื่อให้ลูกค้าทดสอบและปรับตามความต้องการเป็นสิ่งที่สำคัญ
ดังนั้น การพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องสำคัญกว่าการทำให้โค้ดสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก
5. งานจะเป็นไปตามแผนเสมอ
หลายคนคิดว่าเมื่อวางแผนดีแล้ว งานจะเป็นไปตามแผนที่กำหนดเสมอ แต่ในความเป็นจริง:
- ลูกค้าอาจเปลี่ยนแปลงความต้องการตลอดเวลา
- อาจพบปัญหาทางเทคนิคที่ไม่คาดคิด ซึ่งทำให้ต้องปรับแผน
- กำหนดเวลาที่วางไว้ในตอนแรกอาจต้องปรับตามสถานการณ์จริง
ดังนั้น โปรแกรมเมอร์ต้องมีความยืดหยุ่นในการทำงานและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
“การทำงานใน Software House ไม่ใช่แค่การเขียนโค้ดเพียงอย่างเดียว”
แต่ต้องมีทักษะอื่น ๆ ควบคู่กัน เช่น การทำงานเป็นทีม ความยืดหยุ่นในการปรับตัว การสื่อสาร และความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โปรแกรมเมอร์มือใหม่ที่เข้าใจความจริงเหล่านี้จะสามารถปรับตัวและเติบโตในสายงานได้อย่างมั่นคงและประสบความสำเร็จในระยะยาว
บทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติม
อนาคตของ Work-Life Balance : เทรนด์และแนวโน้มใหม่ของการทำงานวงการ Software
เมื่อ Developer เป็น Introvert ควรสื่อสารยังไงให้เข้าใจงานได้ตรงกัน